ข่าวประชาสัมพันธ์

สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จัดอบรมผู้ฝึกสอนกีฬายกน้ำหนักให้บุคลากรทางการศึกษาของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรม เดอะภัทรา พระราม 9 กรุงเทพมหานคร โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ฝึกสอนนำองค์ความรู้ไปสร้างโอกาสและทางเลือกให้เด็กนักเรียนที่สนใจ เพื่อต่อยอดเป็นนักกีฬาต่อไป

(วันที่ 13 พ.ค.67 ) พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ มียุทธศาสตร์ในการขยายฐานสู่นักกีฬาและผู้ฝึกสอนให้มากขึ้น สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ซึ่งดูแลโรงเรียนราชประชานุเคราะห์กว่า 60 แห่งทั่วประเทศ จัดอบรมผู้ฝึกสอนกีฬายกน้ำหนักระดับชาติขั้นพื้นฐาน ประจำปี 2567 ให้กับบุคลากรของโรงเรียนที่สนใจ จำนวน 40 คน เพื่อนำความรู้ไปฝึกหัดให้กับนักเรียนต่อไป โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-19 พฤษภาคม 2567 ณ โรงแรม เดอะภัทรา พระราม 9 กรุงเทพมหานคร

โครงการดังกล่าวนี้ สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านงบประมาณจากการกีฬาแห่งประเทศไทย มอบหมายให้พลอากาศโท วัฒนชัย เจริญรัตน์ กรรมการและประธานฝ่ายเทคนิคเป็นผู้อำนวยการโครงการ โดยมี 4 วิทยากรผู้เชี่ยวชาญในกีฬายกน้ำหนักเป็นผู้ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรม ประกอบด้วย นายวินัย คำจีนศรี / พันโทหญิง ดร.อภิญญา ดัชถุยาวัตร / นายสุริยา ดัชถุยาวัตร และ นายไกรสอน ดัดถุยาวัฒน์

" ทางสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ได้รับความเมตตาจากพลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ท่านเห็นด้วยกับโครงการนี้ ทั้งยังกำชับให้สำนักงานมูลนิธิฯ ให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าวด้วย ก่อนหน้านี้ เราก็เริ่มมีทีมกีฬาจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ร่วมแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยบ้างแล้ว ล่าสุดในการแข่งขันที่อ.ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช เดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีนักกีฬาจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 64 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับ 4 เหรียญทอง 5 เหรียญเงินในระดับยุวชน และ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 29 จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับ 5 เหรียญทองแดงในระดับประชาชน ทางสมาคมฯ คาดหวังจะได้เห็นนักกีฬาจากทีมราชประชานุเคราะห์ที่อื่นๆ สามารถผลิตนักกีฬายกน้ำหนักเช่นนี้ ซึ่งเราอาจจะเจอช้างเผือกหรือเพชรในตมมาประดับวงการเพิ่มขึ้น " พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย กล่าว

สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ เปิดโผ 4 จอมพลังทีมชาติไทย ชุดสู้ศึกโอลิมปิก ปารีส 2024 หญิง 2 คน “ออย” สุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กิโลกรัม และ “ส้ม” ดวงอักษร ใจดี รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัม ขณะที่ชาย 2 คน “ฟ่าง” ธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัม และ “เวฟ” วีรพล วิชุมา รุ่น 73 กิโลกรัม “เสธ.ยอด” พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย เผยในส่วนของ ความหวัง ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังเหลือเวลาอีก 2 เดือน แต่ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า สมาคมฯ ไม่เคยทำให้คนไทยผิดหวัง

“เสธ.ยอด” พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากจอมพลังทีมชาติไทย ได้ตระเวณแข่งขันทำสถิติ ให้ดีที่สุด ใน 5 รายการ ที่สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติกำหนด โดยเป็นรายการบังคับ 2 รายการ และรายการเลือกอีก 3 รายการ มาอย่างเนื่อง ในที่สุดสามารถโควต้าไปเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้รวมทั้งหมด 4 ที่นั่ง โดยโควต้าดังกล่าวได้จากนักกีฬาหญิง 2 ที่นั่ง รุ่น 49 กิโลกรัม และ รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัม ขณะที่นักกีฬาชาย 2 ที่นั่ง รุ่น 61 กิโลกรัม และ รุ่น 73 กิโลกรัม

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาจากผลงานที่นักกีฬาทำได้ รวมถึงความพร้อมด้านต่าง ๆ แล้ว ปรากฎว่า ในส่วนของรายชื่อนักกีฬา หญิง 2 คน ได้แก่ “ออย” นางสาวสุรจนา คำเบ้า รุ่น 49 กิโลกรัม อายุ 25 ปี จากจังหวัดเชียงราย และ “ส้ม” นางสาวดวงอักษร ใจดี รุ่นมากกว่า 81 กิโลกรัม อายุ 27 ปี จากจังหวัดนครสวรรค์ ส่วนรายชื่อนักกีฬาชาย 2 คน ประกอบด้วย “ฟ่าง” นายธีรพงศ์ ศิลาชัย รุ่น 61 กิโลกรัม อายุ 20 ปี จากจังหวัดศรีสะเกษ และ “เวฟ” นายวีรพล วิชุมา รุ่น 73 กิโลกรัม อายุ 20 ปี จากจังหวัดสุรินทร์

ส่วนเจ้าหน้าที่ทีม มี นาวาโทหญิง อารีย์ วิรัฐถาวร เป็นผู้จัดการทีม, นายลุคแมน เป็นผู้ฝึกสอน และนายสุวิทย์ อริยชัยกุล เป็นนักกายภาพประจำทีม

“สำหรับความหวัง ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังเหลือเวลาอีก 2 เดือนก่อนที่โอลิมปิกเกมส์จะเร่ิม แต่ที่ผ่านมา ต้องบอกว่า สมาคมฯ ไม่เคยทำให้คนไทยผิดหวัง” พลตรี อินทรัตน์ กล่าว

อนึ่ง สหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ กำหนดหลักเกณฑ์คัดเลือกนักกีฬายกน้ำหนัก เพื่อเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ปารีส 2024 ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2567 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยจอมพลังแต่ละคน ต้องลงแข่งขัน เพื่อทำสถิติให้ดีที่สุด ทั้งหมด 5 รายการ

แยกเป็นรายการบังคับ 2 รายการ ชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย และ เวิลด์ คัพ 2024 ที่ประเทศไทย ที่เหลืออีก 3 รายการ เลือกได้จาก 5 รายการ ชิงแชมป์โลก 2022 ที่ประเทศโคลอมเบีย, ชิงแชมป์ทวีป (ในส่วนของไทย คือ ชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่ประเทศเกาหลีใต้), กรังด์ปรีซ์ I 2023 ที่ประเทศคิวบา, กรังด์ปรีซ์ II 2023 ที่ประเทศกาตาร์ และ ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่ประเทศอุซเบกิสถาน

การแข่งขันในรอบดังกล่าว จะแบ่งออกเป็นชาย 10 รุ่น และ หญิง 10 รุ่น แต่ในการคิดสถิติเพื่อไปโอลิมปิกครั้งนี้ จะถูกรวบรุ่นน้ำหนัก ให้เหลือเพียงชาย 5 รุ่น และ หญิง 5 รุ่น ซึ่งมีจัดการแข่งขันในรอบสุดท้าย

เกณฑ์คัดเลือกจะดูจากสถิติของจอมพลังแต่ละคนใน 5 รายการ เมื่อแข่งขันเสร็จสิ้น ใครติด 10 อันดับแรกของแต่ละรุ่นที่รวบแล้ว จะได้โควต้าไปเข้าร่วมการแข่งขันในรอบสุดท้ายทันที สัดส่วนตรงนี้เป็น 10 คนต่อรุ่น (สูงสุดชาติละไม่เกิน 6 คน (ชาย 3 คน และหญิง 3 คน) รวม 100 คน (ชาย 50 คน และหญิง 50 คน)

โดยยังมีโควต้าตัวแทนทวีป 1 คนต่อรุ่น รวม 10 คน (ชาย 5 คน และหญิง 5 คน) ร่วมด้วยโควต้าเจ้าภาพ สูงสุด 4 คน (ชาย 2 คน และหญิง 2 คน) และให้สิทธิ์ไวด์การ์ด สูงสุด 6 คน (ชาย 3 คน และหญิง 3 คน) เบ็ดเสร็จจะมีนักกีฬาเข้าร่วมทั้งหมด 120 คน (ชาย 60 คน และหญิง 60 คน)