60 ปี บ้านยกเหล็ก จัดงานเลี้ยงฉลองปีใหม่และสรุปผลงาน ประจำปี 2561
สมาคมกีฬายกน้ำหนักไทย ฉลองครบรอบ 60 ปี ประกาศเดินหน้าพัฒนาวงการยกเหล็กไทยอย่างไม่หยุดยั้ง การันตี “ทีมบริหาร-นักกีฬา-โค้ช” พร้อมทุกขุมกำลัง แต่อ้อนขอศูนย์ตรวจสารต้องห้ามที่ทันสมัยมากขึ้น หวั่นอาหารเสริมมีสารโด๊ปเจือปน หากไปตรวจเจอในระดับนานาชาติส่งผลเสียหายแน่ พร้อมเผยปีหน้า มีภารกิจสำคัญรออยู่เพียบ โดยเฉพาะการล่าโควต้าโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ.2020 แต่ยังมั่นใจผู้หญิงได้ 4 คนเต็มจำนวน ส่วนผู้ชายก็มีลุ้นได้สิทธิ์ 3-4 คนเช่นกัน
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลา 09.00 น. ที่วัดเทพลีลา “เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย “มาดามบุษ” นางบุษบา ยอดบางเตย นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย, คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ, นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ตลอดจนบุคคลในวงการกีฬา และเจ้าหน้าที่สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ร่วมกันทำบุญเลี้ยงเพลพระ เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปีสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นฯ หลังเสร็จสิ้นพิธีได้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยง
จากนั้นช่วงเย็นวันเดียวกัน ได้ ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอรีน บรรยากาศภายในงานเป็นอย่างอบอุ่น มีอดีตนายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ, บุคคลในวงการกีฬามาร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือไอโอซีเมมเบอร์ และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ, ผู้บริหารจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นต้น
“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า ตลอดเวลา 60 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ได้พยายามพัฒนาวงการยกน้ำหนักไทยอย่างสุดความสามารถ จนปัจจุบันนักยกน้ำหนักของไทยสามารถก้าวขึ้นไปอยู่ในระดับแถวหน้าของโลกได้อย่างภาคภูมิใจ สามารถคว้าเหรียญรางวัลในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, รายการชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย, รายการชิงชนะเลิศแห่งโลก เป็นต้น ขณะที่ผู้บริหารสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ก็มีบทบาทสำคัญในสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ และสหพันธ์ยกน้ำหนักแห่งเอเชีย ยิ่งส่งเสริมให้กีฬายกน้ำหนักของไทยก้าวหน้าไปมากยิ่งขึ้น
พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ต้องถือว่าทีมบริหาร, นักกีฬายกน้ำหนัก และผู้ฝึกสอน มีความพร้อมที่จะเดินหน้าพัฒนาต่อไป แต่สิ่งที่เป็นกังวลเป็นเรื่องเกี่ยวกับศูนย์ตรวจสารต้องห้ามในประเทศไทย ที่ค่อนข้างล้าสมัย ทั้งที่ปัจจุบันองค์การต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาด้า) ได้ประกาศรายชื่อสารต้องห้ามใหม่ ๆ เพิ่มเติมอีกจำนวนมาก ซึ่งสมาคมฯ เกรงว่าอาจมีสารต้องห้ามบางตัวอยู่ในอาหารเสริมของนักกีฬา หากศูนย์ตรวจสารต้องห้ามของไทยตรวจไม่พบ แต่กลับตรวจพบในศูนย์ตรวจสารต้องห้ามระดับนานาชาติที่มีความทันสมัยมากกว่าก็จะส่งผลเสียเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่กีฬายกน้ำหนักเท่านั้น หากยังรวมถึงกีฬาทุกชนิดด้วย
สำหรับปัญหาดังกล่าวตนได้นำเสนอต่อ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทาง กกท. ก็เห็นถึงความสำคัญและพร้อมให้การสนับสนุน โดยจะต้องร่วมมือกับศูนย์ตรวจสารต้องห้าม ม.มหิดล ส่วนงบประมาณนั้ นอาจจะนำมาจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ
พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวต่อว่า ปีหน้าสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ยังมีภารกิจส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันหลายรายการ โดยรายการสำคัญ ได้แก่ ยกน้ำหนักยุวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ระหว่างวันที่ 8-15 มี.ค. ที่นครลาสเวกัว ประเทศสหรัฐอเมริกา, ยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งโลก ระหว่างวันที่ 1-8 มิ.ย. ที่ประเทศฟิจิ, ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งโลก ระหว่างวันที่ 18-27 ก.ย. ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ซึ่งรายการนี้จะเป็นเวทีสะสมคะแนนเพื่อไปโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ.2020, ยกน้ำหนักยุวชนและเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ระหว่างวันที่ 20-27 ต.ค. ที่ประเทศเกาหลีเหนือ และปิดท้ายด้วยการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปิปนส์ ในเดือน ธ.ค.
“ภารกิจในปีหน้ายังคงเป็นงานหนัก โดยเฉพาะการคว้าโควต้าไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ แต่ยังมั่นใจว่าผู้หญิงจะสามารถคว้าได้ 4 คนเต็มโควต้า ส่วนผู้ชายก็มีลุ้นจะเก็บได้ 3-4 คนเช่นกัน สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ยืนยันว่าจะพยายามทำผลงานในทุกรายการให้ดีที่สุดเพื่อนำความสุขมาให้แฟนกีฬาชาวไทย” พล.ต.อินทรัตน์ กล่าว